ไทยลีก, รีโว่ คัพ และโทรฟี่ล่าสุดอย่าง ช้าง เอฟเอ คัพ ที่เหล่านักเตะ บุรีรัมย์ เพิ่งได้ชูถ้วยเป็นครั้งที่ 3 ของฤดูกาลนี้เป็นเครื่องหมายตอบย้ำว่าพวกเขาคือสโมสรที่ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ และในหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลไทย ด้วยการต่อยอดจากการคุมทีมของ มาซาทาดะ อิชิอิ ผู้จัดการทีมชาวญี่ปุ่น พร้อมกับการเสริมตัวผู้เล่นระดับท็อปจนทำให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้เกือบเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน 

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เรียกเสียงฮือฮาในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะได้อยู่ตลอด เช่นเดียวกับในช่วงต้นปีนี้ พวกเขาประกาศดึงตัว แฟรงค์ คาสตาเญด้า นักเตะที่มีดีกรีเป็นกัปตันทีม เชอร์ริฟ ติราสโพล สโมสรจากประเทศ มอลโดวา และพาทีมลงเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2021/22 ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ ชัคตาร์ โดเนทส์ก, อินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด ซึ่ง คาสตาเญด้า พาต้นสังกัดบุกไปชนะ ‘ราชันชุดขาว’ 2-1 ถึงรังเหย้า ‘ซานติอาโก้ เบร์นาเบว’ มาแล้ว

หน้าเสียดายที่ แฟรงค์ คาสตาเญด้า ได้รับโอกาสลงสนามเพียง 9 นัด แต่ก็มีส่วนรวมถึง 5 ประตูใน ไทยลีก ก่อนจะแยกทางออกไปในช่วงจบเลกแรก ส่วนนักฟุตบอลที่เข้ามายกระดับทีมกลับเป็นกองกลางม้านอกสายตาอย่าง โกรัน เคาซิช ที่ดึงมาจาก อาร์เซน่อล ทูล่า แม้ว่าชื่ออาจจะไม่เป็นที่รู้จักแต่กองกลางชาว เซอร์เบีย ก็โลดแล่นในลีกระดับสูงของยุโรป และได้ลงเล่นในฟุตบอลรายการทวีปอย่าง แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดียวกัน 

33 นัด 17 ประตู 2 แอสซิสต์ คือผลงานในฤดูกาลแรกของ เคาซิช กับฟุตบอลไทย ในทุกรายการ ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นต่างชาติที่เข้ามายกระดับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่างแท้จริง ด้วยความดุดัน การวิ่งไล่บอลอย่างไม่มีวันหมด พร้อมทั้งจังหวะสอดเข้าไปทำประตูได้อย่างเฉียบขาด จนเขาเป็นดาวซันโวอันดับ 4 ของ ไทยลีก ถ้าจะยกให้กองกลางวัย 30 ปีเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญสู่การคว้าแชมป์ 3 โทรฟี่ในฤดูกาลนี้ก็คงไม่มีข้อเถียงได้เลย 

แต่นักเตะตัวหลักคนอื่นๆ ก็พัฒนาฝีเท้า ยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้เช่นกัน ส่วนจะถามว่าใครเด่นสุด คือ 2 ดาวรุ่งดีกรี ทีมชาติไทย อย่างคู่หู ‘2S’ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กับ ศุภชัย ใจเด็ด ที่เปลี่ยนจากคำว่านักเตะดาวรุ่ง กลายเป็น 2 ผู้เล่นคีย์แมนของทีมอย่างเต็มตัว ในรายของ ‘แบงค์’ กับความคาดหวังที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกองหน้าที่ยิงประตูกระจาย แต่กลายเป็นตัวริมเส้มจอมแอสซิตส์แทน เพราะ ศุภณัฏฐ์ จัดไปถึง 13 แอสซิสต์ โดย 10 ครั้งเกิดขึ้นใน ไทยลีก และคว้ารางวัลจอมจ่ายให้เพื่อนมากสุดในฤดูกาลไปครอง ส่วนการส่งบอลเข้าไปนอนก้นตาข่ายก็ยิงไปถึง 8 ลูก 

สำหรับ ศุภชัย ใจเด็ด กลายเป็นเพชฌฆาตของทีมด้วยผลงาน 23 ประตูในทุกรายการที่ลงสนาม และคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดไปครองด้วยการยิง 19 ประตูใน ไทยลีก จนกลายเป็นนักเตะไทยรายแรกในรอบ 10 ปีที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำไปนอนกอดที่บ้าน 

การคว้าแชมป์มากมายตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ของยอดทีมจากแดนอีสาน อาจทำให้แฟนบอลหลายคนเริ่มเบื่อการผูกขาดโทรฟี่ แต่ในฤดูกาลหน้าของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นฤดูกาลที่เต็มไปด้วยความท้าทายในหลายๆ เรื่องอย่างแน่นอน ไล่มาตั้งแต่ การก้าวขึ้นไปท้าทายฟุตบอลระดับทวีปเอเชีย ในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เพื่อที่จะยกระดับให้กลายเป็นทีมระดับท็อปของเอเชีย 

อีกหนึ่งความท้าทายที่จะเกิดขึ้นคือการปล่อยตัวนักเตะไปเล่นในลีกที่ดีกว่า หลังเกมนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรประกาศว่า ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา จะถูกส่งไปเล่นในที่ยุโรปในฤดูกาลหน้า โดยคาดว่าจะเป็น โอเอช ลูเวิน ในลีกเบลเยี่ยม เพื่อที่จะเป็นการเปิดทางก่อนจะไปเล่นให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ส่วน ศุภชัย ใจเด็ด ก็มีโอกาสที่จะย้ายออกจากทีมเช่นเดียวกัน โดยมีหลายทีมจาก เจลีก ประเทศญี่ปุ่น และทีมจาก เคลีก ประเทศเกาหลีใต้ ให้ความสนใจ 

ดังนั้นฤดูกาลหน้าของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะกลายเป็นงานหนักของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่จะต้องหานักเตะเข้ามาทดแทน ในเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม กบัการก้าวขึ้นไปท้าทายในระดับเอเชีย